สำหรับในเด็กเล็กๆเราอาจจะต้องระมัดระวังเรื่องการที่เด็กนำอาหารเข้าปาก เข้าหู ระวังเรื่องการเอานิ้วจิ้มตา
เพราะเด็กยังทำอะไรโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว หรือบางครั้งแม้แต่ตัวเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่เอง นอนเล่นอยู่บนพื้นบ้านหรือที่นอนอยู่ดีๆอาจมีแมลงไต่เข้าหูหรือมีแมลงบินเข้าหูก็ได้ โดยมดหรือแมลงที่เข้าไปในรูหูอาจจะมีการกัดข้างในหูทำให้ภายในหูได้รับบาดเจ็บได้หรือหากว่าแมลงหรือมดออกมาไม่ได้ซากของแมลงหรือมดอาจเน่าเปื่อยอยู่ในหู ทำให้หูสกปรกแล้วติดเชื้อขึ้นมาได้
เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามีแมลงหรือมดเข้าไปในรูหู สำหรับคำถามนี้นั้น คำตอบคือเราจะรู้ด้วยตัวของเราเองเมื่อมีสิ่งแปลกปลอม อย่างแมลงหรือมดเข้าไปในรูหู เพราะอย่างแรก เราจะรู้สึกเหมือนมีอะไรไต่อยู่ข้างในรูหู บางครั้งมีอาการคันรูหู หรือรู้สึกเจ็บข้างในรูหู หรือในบางครั้งเราจะรู้สึกว่ามีเสียงดังหวี่ๆเหมือนมีอะไรร้องอยู่ในหู และหากเรารู้สึกเจ็บปวดมากๆ
ควรรีบไปพบแพทย์ให้รักษาด้วยการนำสิ่งแปลกปลอมนั้นออกจากหูโดยเร็วเพื่อป้องกันการเกิดหูอักเสบหรือการติดเชื้อ
สำหรับการตรวจสอบของแพทย์ว่ามีอะไรอยู่ในหูของคนไข้หรือไม่นั้น ทำได้ด้วยการ ส่องไฟฉายเข้าไปดูในรูหู หรือหากมองเห็นไม่ค่อยชัดทางแพทย์จะมีเครื่องมือเฉพาะสำหรับส่องเข้าไปในรูหูเพื่อหาสาเหตุว่า อาการปวดหูเกิดมาจากอะไร สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราจะรู้ได้ทันที่หากมีอะไรเข้าหูแต่หากเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องหรือยังไม่สามารถสื่อสารกับเราได้
เราเองคงต้องคอยสังเกตอาการของเด็กให้ดีเช่น หูของเด็กมีอาการบวมแดง มีน้ำหนองไหล หรือมีเลือดไหลออกมาจากหูหรือไม่ หรือเข้ามีอาการงอแงแล้วเอามือจับที่หูหรือไม่ หากมีอาการดังกล่าวต้องรีบพามาพบแพทย์ทันที หากเราพบว่ามีแมลงเข้าหูสิ่งที่ควรทำคือการไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์เป็นผู้นำแมลงออกจากหูให้เพราะเราไม่อาจมั่นใจได้ว่าหากเรานำแมลงออกมาเองชิ้นส่วนของแมลงจะออกหมดหรือไม่ เราไม่ควรหาอะไรแหย่เข้าไปในหูเพราะแมลงอาจจะหนีเข้าไปลึกขึ้นกว่าเดิมจะทำให้แพทย์เอาออกยากขึ้น
หากอยากทดลองนำแมลงออกจากหูด้วยตัวเองก่อนให้นอนตะแคงเอาหูด้านที่มีแมลงอยู่ข้างในขึ้น แล้วลองเอาไฟฉายส่องเพราะแมลงมักชอบแสงไฟ มันจะเดินออกมาตามแสงไฟเอง แต่หากไม่ออกมาแนะนำไปพบแพทย์ดีที่สุด เพื่อป้องกันการใช้ เครื่องช่วยฟัง ในอนาคต