รู้ไว้ใช่ว่า ผู้ประกันตน นั้น หากเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ สามารถเข้ารักษาตัวได้ทุกโรงพยาบาล
มีคำถามมากมาสำหรับคนที่ประกันตนแล้วมีประกันสังคม ซึ่งเป็นคำถามที่หลายๆคนสงสัยว่า การที่ทำประกันตนไว้นั้น จะมีกติกาที่ให้ต้องเลือกโรงพยาบาลประกันตน ซึ่งหลายๆคนนั้นก็มีโรงพยาบาลที่ตัวเองเลือกไว้
อาจจะด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่ดูน่าเชื่อถือ โรงพยาบาลที่มีการบริการที่ดี โรงพยาบาลที่มีคุณหมอเก่ง หรือเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้บ้านเดินทางสะดวก
ก็แล้วแต่เหตุผลกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้หลายๆ คนสงสัยนั้นก็คือ โดยปรกติแล้วโรงพยาบาลพวกนี้ก็จะมีโควต้าสำหรับผู้ป่วยประกันสังคมไว้จำนวนหนึ่งเพื่อที่จะได้มีพื้นที่เหลือสำหรับผู้ป่วยที่ออกค่ารักษาพยาบาลเองด้วยเงินส่วนตัว
ดังนั้นหลายๆ คนที่ประกันตนอาจจะไม่ได้โรงพยาบาลที่ตัวเองเลือกไว้ จึงทำให้เกิดคำถามว่าแล้วโรงพยาบาลที่ไม่ได้เลือกไว้นั้นแต่ต้องมีชื่อระบุไว้เพราะยังว่างอยู่ แล้วดันเป็นโรงพยาบาลที่อยู่ไกลบ้านมาก จะทำอย่างไรหากเจ็บป่วยขึ้นมา
ซึ่งปัญหานี้ทางรัฐบาล ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า กรณีผู้ประกันตนไม่สามารถ และเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ เช่น หมดสติ ไม่หายใจ หรือหายใจเร็วผิดปรกติ ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น เจ็บหน้าอกรุนแรง แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก หรืออาการที่เกี่ยวกับระบบหายใจ โลหิต สมอง
ซึ่งอาการที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ถูกระบุไว้ว่าเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ซึ่งผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยสามารถที่จะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งที่เป็นเอกชนและรัฐบาลที่ใกล้ที่สุดได้ทันที และไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายแต่อย่างใด
ซึ่งจากนั้นภายในเจ็ดสิบสองชั่วโมง ให้ติดต่อโรงพยาบาลที่คนป่วยมีชื่อประกันสังคมไว้ มารับช่วงต่อในการดูแลต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำด้านการรักษาพยาบาลของประชาชนในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
ซึ่งวัตถุประสงค์อีกอย่างที่ออกกฎนี้มาก็เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนได้ทุกแห่ง โดยเป็นการบริการการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทันท่วงที โดยผู้ไม่ป่วยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายตั้งแต่แรกเข้ารักษาจนพ้นภาวะวิกฤต
หรืออาการแพทย์ประเมินแล้วเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เกินเจ็ดสิบสองชั่วโมง ซึ่งตามหลักเกณฑ์แล้วนั้น โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยฉุกเฉินไว้ จะมีเกณฑ์การวินิจฉัย การคัดแยกผู้ป่วยอันตรายหรือผู้ป่วยฉุกเฉินไว้อยู่แล้ว ซึ่งหลักฐานที่จะนำไว้ใช้ในการติดต่อโรงพยาบาลนั้นก็จะใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียว
โดยข้อมูลเพิ่มเติมต่างๆ นั้น ก็สามารถที่จะสอบถามเพิ่มเติมหรือติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมตามพื้นที่ที่สะดวก หรืออาจะต่อสายด่วนประกันสังคม 1506 ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะเป็นการช่วยเหลืออีกทางสำหรับบุคคลที่มีประกันตนเป็นของตนเองไว้
ได้รับการสนับสนุนโดย หวยออนไลน์ lottovip